PRM ทะยาน โชว์ผลงาน Q1/66 กำไรพุ่ง 102% จากปีก่อนออเดอร์ขนส่งแน่น หนุนธุรกิจเรือโตแรง แย้มQ2/66 สดใสต่อเนื่อง ดันรายได้ปีนี้โตเกิน10%

PRM ทะยาน โชว์ผลงาน Q1/66 กำไรพุ่ง 102% จากปีก่อนออเดอร์ขนส่งแน่น หนุนธุรกิจเรือโตแรง แย้มQ2/66 สดใสต่อเนื่อง ดันรายได้ปีนี้โตเกิน10%

บมจ. พริมา มารีน (PRM) สุดหรู! โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66  กวาดรายได้รวมอยู่ที่ 2,100.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.5% และมีกำไรสุทธิ 613.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนรับผลดีจากปริมาณการขนส่งน้ำมันเติบโตหลังภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวแรง      แนวโน้มขนส่งน้ำมันคึกคัก หนุนรายได้ปีนี้เข้าเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%

นายวิริทธิ์พล  จุไรสินธุ์  ผู้อำนวยการ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือPRM เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,100.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.5% เมื่อเทียบจากช่วงปีก่อนที่มีรายได้ 1,474.40 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 613.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102.9% เมื่อเทียบจากไตรมาส 1/2565 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 302.20 ล้านบาท

ปัจจัยสนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโตมาจากทุกธุรกิจหลักของบริษัท ประกอบด้วย 1.ธุรกิจเรือขนส่งในประเทศ (Domestic Trading) ซึ่งได้ผลบวกจากการเดินทางท่องเที่ยวและจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นภายหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ 2. ธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ(International Trading) จากการรับรู้รายได้เรือ VLCC ครบ 3 ลำ ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นไปตามแผนระยะยาวที่ได้วางไว้ ขณะที่ธุรกิจ (FSU) ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565

"สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2566 บริษัทฯคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจเรือขนส่งในประเทศที่ได้รับผลดีจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และมีปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นตามการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงวันหยุดยาว และธุรกิจ Offshore Support ที่มีข่าวดีจากการที่เรือ AWB หรือเรือโรงแรมลอยน้ำในกลุ่มนี้ได้เริ่มเข้างานภายใต้สัญญาฉบับใหม่ ในขณะที่ธุรกิจ FSU และธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศยังคงสามารถรักษาระดับการใช้งานเรือให้อยู่ในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง”

ขณะที่แผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากสัญญาณภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้ความต้องการใช้พลังงานเชื้อเพลิงภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับผลดีจากธุรกิจเรือขนส่งฯ ระหว่างประเทศที่จะรับรู้รายได้เต็มปีหลังจากที่เรือ VLCC ลำที่ 2 และ 3 ในกลุ่มนี้เริ่มทำงานในเดือนมิถุนายน และกันยายน 2565 ตามลำดับ รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวซึ่งเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อการดำเนินงานของ PRM ในทุกกลุ่มธุรกิจ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ข่าวเกี่ยวข้อง